ชินเซไก ย่านสุดชิค ในบรรยากาศเรโทร

ชินเซไก แปลตรงตัวว่า “โลกใหม่” แต่ความรู้สึกเมื่อได้สัมผัสเมื่อก้าวเข้าย่านนี้กลับไม่ใช่ความใหม่ในความหมายของเทคโนโลยีหรือสถาปัตยกรรมล้ำสมัยซึ่งคือ “โลกใหม่” ของยุคเก่า โลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเรโทร แสงไฟนีออน ป้ายร้านอาหารสีสันสดใส และกลิ่นหอมของของทอดเสียบไม้ที่ลอยมาแต่ไกล

ใจกลางของชินเซไกคือ หอคอยสึเท็นคาคุ หอคอยทรงเรโทรสูงกว่า 100 เมตรที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้มาตั้งแต่ปี 1912 แม้จะไม่ได้สูงเท่าหอคอยในเมืองหลวง แต่ก็เป็นสถานที่ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ คล้ายกับหอคอยโตเกียวฉบับบ้านๆ จากด้านบนสามารถชมวิวเมืองโอซาก้าในมุมที่ไม่พลุกพล่าน พร้อมกับทำบุญขอพรจาก “บิลลิเค็น” เทพเจ้าแห่งโชคดีที่เป็นขวัญใจประจำถิ่น 

ถ้ามาเยือนชินเซไกแล้วไม่ได้ลองกิน “คุชิคัตสึ” (ของทอดเสียบไม้) ก็เหมือนมาไม่ถึง ร้านอาหารเก่าแก่เรียงรายอยู่สองข้างทาง บางร้านเปิดมาหลายสิบปี ความสนุกอยู่ที่การจิ้มซอสเอง (แต่ห้ามจิ้มซ้ำ!) แล้วกินร้อน ๆ พร้อมเบียร์เย็น ๆ หรือชาเขียวไม่ใช่แค่รสชาติ แต่คือบรรยากาศแบบท้องถิ่นที่หาไม่ได้ในย่านหรูหราทั่วไป 

เดินไปอีกไม่กี่ก้าว คุณจะเจอร้านเกมโบราณ ร้านของเล่น ตู้ปาจิงโกะ ร้านถ่ายสติกเกอร์แบบญี่ปุ่นรุ่นดั้งเดิม ผู้คนที่เดินสวนกันมาไม่ใช่แค่กลุ่มนักท่องเที่ยว แต่ยังมีคนญี่ปุ่นสูงวัยที่มานั่งคุยเล่น หรือยืนดูรายการทีวีผ่านหน้าร้านเหมือนในสมัยก่อนนี่แหละ “ชินเซไก” — โลกที่เวลาเดินช้าลง โลกที่ความเรียบง่ายยังมีอยู่จริง

ชินเซไกอาจไม่ใช่ที่เที่ยวหรูหรา แต่คือประสบการณ์ที่จะได้เห็นอีกด้านของญี่ปุ่น ด้านที่เป็น “บ้าน” มากกว่า “โชว์” ด้านที่อาจจะเก่า แต่ไม่เคยไร้ซึ่งชีวิตชีวา

ลองเดินหลงในตรอกนีออนของชินเซไกสักครั้ง อาจจะพบว่าเสน่ห์ของญี่ปุ่น...ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีล้ำสมัย หรือสวนสนุกขนาดใหญ่ แต่อยู่ในกลิ่นของของทอด เสียงหัวเราะ และแสงไฟจากป้ายร้านที่ยังคงสว่างเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน

ชินเซไกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองปารีสและนิวยอร์ก แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ทุกวันนี้ กลับเป็นกลิ่นอายของญี่ปุ่นยุคโชวะ แสงไฟนีออนสีสด ป้ายร้านอาหารที่ตั้งเรียงราย และเสียงหัวเราะของคนในชุมชน สร้างบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงอดีตในแบบที่ยังมีลมหายใจ