10 อันดับปราสาทที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

หอคอยหลักของปราสาทญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า "Tenshu" ไม่ได้เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของสถาปัตยกรรมยุคศักดินา หากแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความรุ่งเรืองของเจ้าเมืองในแต่ละยุคสมัย

ด้วยความสูงที่โดดเด่นและการออกแบบอันประณีต หอคอยเหล่านี้สะท้อนทั้งรสนิยม อำนาจทางการเมือง และบทบาทของปราสาทในฐานะศูนย์กลางการปกครองและป้อมปราการสำคัญ

บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับ 10 ปราสาทที่มีหอคอยสูงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงงดงามในเชิงสถาปัตยกรรม หากยังเปรียบเสมือนหน้าประวัติศาสตร์ที่เล่าขานเรื่องราวของยุคสมัยแห่งซามูไรและศิลปะแห่งการปกครองไว้อย่างลึกซึ้ง

อันดับที่ 1: ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) – 41.5 เมตร

ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงและมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ในปี 1583 เพื่อเป็นศูนย์กลางอำนาจของเขา หอคอยหลักสูงถึง 41.5 เมตร ตั้งตระหง่านบนฐานหินขนาดใหญ่ ตัวอาคารปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ด้วยคอนกรีตในปี 1931 แต่ยังคงไว้ซึ่งความอลังการและรายละเอียดแบบดั้งเดิม ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับฮิเดโยชิและประวัติศาสตร์ของโอซาก้า

อันดับที่ 2: ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) – 36.1 เมตร

สร้างขึ้นในปี 1612 โดยคำสั่งของโตกุกาวะ อิเอยาสึ เพื่อเป็นที่มั่นทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคโทไค หอคอยหลักของปราสาทนี้มีความสูง 36.1 เมตร มีจุดเด่นที่ "คินชะจิ" หรือปลาทองประดับบนหลังคา ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนาโกย่า แม้ตัวปราสาทจะถูกทำลายจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1959 และปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสร้างหอคอยไม้แบบดั้งเดิมเพื่อให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

อันดับที่ 3: ปราสาทชิมาบาระ (Shimabara Castle) – 33 เมตร

ตั้งอยู่ในจังหวัดนางาซากิ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 โดยมัตสึคุระ ชิเงโนบุ เพื่อควบคุมพื้นที่แถบคิวชู หอคอยหลักสูง 33 เมตร มีลักษณะโดดเด่นคือเป็นปราสาทสีขาวสะอาดทั้งหลัง ตัวอาคารได้รับการบูรณะใหม่ในปี 1964 และกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนาในญี่ปุ่น รวมถึงการกบฏของชาวคริสต์ที่ชิมาบาระ

อันดับที่ 4: ปราสาทคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle ) – 32.5 เมตร

หนึ่งในปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น สร้างโดยคาโต้ คิโยมาสะ ในปี 1607 ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโต้ หอคอยสูง 32.5 เมตร และมีผังปราสาทที่ซับซ้อน พร้อมกำแพงหินชันแบบ "มุซะเมะกะเอชิ" ที่ยากต่อการปีน ปราสาทนี้ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี 2016 แต่มีการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด

อันดับที่ 5: ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) – 31.5 เมตร

มรดกโลกที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 หอคอยหลักสูง 31.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานหินสูง และมีลักษณะคล้ายนกกระสาขาวกำลังโผบิน จึงได้รับฉายาว่า "ชิราซางิโจ" หรือ "ปราสาทนกกระสาขาว" ปราสาทฮิเมจิเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ยังคงสภาพดั้งเดิมโดยไม่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือภัยธรรมชาติ

อันดับที่ 6: ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) – 28.7 เมตร

ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1602 โดยโฮโซคาวะ ทาดาโอกิ หอคอยหลักมีความสูง 28.7 เมตร และมีรูปทรงพิเศษคือชั้นบนสุดมีขนาดใหญ่กว่าชั้นล่าง ซึ่งเรียกว่า "คาราซุกะรุยะ" ถือเป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่พบในปราสาทอื่น ๆ ตัวปราสาทปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ในปี 1959

อันดับที่ 7: ปราสาทโอดาวาระ (Odawara Castle) – 27.2 เมตร

เป็นที่มั่นของตระกูลโฮโจในยุคเซ็งโงกุ ปราสาทโอดาวาระตั้งอยู่ในจังหวัดคานางาวะ หอคอยหลักสูง 27.2 เมตร และเป็นศูนย์กลางของระบบป้องกันที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นยุคนั้น แม้ตัวปราสาทจะถูกทำลายไปหลังยุคเมจิ แต่ได้รับการบูรณะในปี 1960 และยังคงรักษาบรรยากาศดั้งเดิมได้อย่างดี

อันดับที่ 8: ปราสาทฮิโรชิมะ (Hiroshima Castle) – 26.6 เมตร

สร้างขึ้นในปี 1599 โดยโมริ เทรุโมโตะ หนึ่งในขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ ปราสาทฮิโรชิมะมีความสูงของหอคอยหลักที่ 26.6 เมตร เดิมเป็นปราสาทน้ำที่ล้อมรอบด้วยคูเมืองและแม่น้ำ ตัวปราสาทถูกทำลายจากระเบิดปรมาณูในปี 1945 และได้รับการบูรณะใหม่ในปี 1958 ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น

อันดับที่ 9: ปราสาทฟุคุยามะ (Fukuyama Castle) – 26.0 เมตร

ตั้งอยู่ในจังหวัดฮิโรชิมะ สร้างขึ้นในปี 1622 โดยมิโซโนะ คัตสึนาริ เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ หอคอยหลักสูง 26 เมตร ถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1966 โดยพยายามรักษารูปแบบภายนอกให้เหมือนต้นฉบับมากที่สุด

อันดับที่ 10: ปราสาทวากะมัตสึ (Wakamatsu Castle) – 25.1 เมตร

ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุชิมะ ปราสาทวากะมัตสึมีความสูงของหอคอยหลักที่ 25.1 เมตร สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และมีบทบาทสำคัญในช่วงปลายยุคเอโดะ โดยเฉพาะในสงครามโบชิน ตัวปราสาทมีจุดเด่นที่กระเบื้องหลังคาสีแดงซึ่งไม่เหมือนปราสาทอื่น ๆ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและความมั่นคง