หลงรักไม่รู้จบ… Kyoto เมืองเก่าที่เที่ยวได้ไม่มีเบื่อ
เกียวโต เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามทางประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยวัด ศาลเจ้า และหมู่บ้านดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ สัมผัสบรรยากาศที่สงบและวัฒนธรรมที่ยากจะหาได้จากที่ไหน พร้อมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองเกียวโตกับเรา!
วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple) และ วัดเคนนินจิ (Kenninji Temple)
วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple) ในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอัน และเป็นที่รู้จักจาก อาคารฟีนิกซ์ฮอลล์ (Phoenix Hall) ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น รูปแบบสถาปัตยกรรมงดงามราวกับภาพในสรวงสวรรค์ รายล้อมด้วยสวนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม นอกจากจะได้ชมวัดอันเก่าแก่ คุณยังสามารถเดินเล่นริมแม่น้ำอุจิ จิบชาเขียวท้องถิ่น และซึมซับบรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างแท้จริง วัดเบียวโดอินจึงเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะ วัฒนธรรม และความสงบเรียบง่ายของญี่ปุ่นแท้ๆ
วัดเคนนินจิ (Kenninji Temple) ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต เป็นวัดพุทธสายเซนที่มีอายุกว่า 800 ปี และเป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1202 โดยพระภิกษุ Eisai ผู้เผยแพร่ลัทธิเซนในญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมของวัดสะท้อนถึงความงดงามแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฟูจิซังที่มีชื่อเสียงบนเพดานของห้องโถงหลัก และยังมีสวนญี่ปุ่นที่เงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนจิตใจ วัดเค็นนินจิเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกียวโต
รถไฟซากาโนะ (Sagano Train)
อยากสัมผัสธรรมชาติของเกียวโตในมุมที่โรแมนติกและสงบกว่าการเที่ยววัดหรือเดินตลาดไหม? ลองนั่ง รถไฟซากาโนะ (Sagano Train) แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง! รถไฟสายนี้จะพาคุณเคลื่อนตัวช้าๆ ผ่านหุบเขาโฮซุกาวะ พร้อมวิวแม่น้ำและป่าเขาที่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง หรือวิวขาวโพลนในฤดูหนาว เส้นทางนี้ให้ภาพงดงามเหมือนโปสต์การ์ด ขบวนรถไฟตกแต่งแนววินเทจ ใช้เวลานั่งประมาณ 25 นาที เหมาะกับคนที่อยากพักจากความเร่งรีบ แล้วใช้สายตาและใจรับความงามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) และ วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji)
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หรือ วัดทอง เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเกียวโตและมีชื่อเสียงจากอาคารหลักที่ประดับด้วยทองคำบริสุทธิ์ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยโชกุนอะชิคากะ โยชิมิซึ และเป็นสถานที่สำคัญในนิกายเซน การออกแบบวัดในรูปแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม บวกกับสวนที่สวยงามทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม บรรยากาศรอบๆ วัดสงบและเต็มไปด้วยธรรมชาติ สะท้อนความงามทั้งในสถาปัตยกรรมและความเชื่อทางศาสนา คินคะคุจิยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1994
วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดเงิน” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเกียวโตที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่น วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 15 โดยโชกุนอาชิคางะ โยชิมาสะ ผู้ได้แรงบันดาลใจจากวัดทอง (Kinkakuji) แต่เลือกสะท้อนความงามแบบเรียบง่ายตามแนวคิด วาบิ-ซาบิ (Wabi-Sabi) แทน
แม้ว่าตัวอาคารจะไม่ได้เคลือบเงินตามชื่อ แต่ความงดงามของสวนหิน สวนมอส และบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้ที่นี่เป็นจุดแวะยอดนิยมสำหรับผู้ที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมและความสงบของญี่ปุ่นดั้งเดิม หากคุณมาเดิน “ถนนสายนักปราชญ์” (Philosopher’s Path) วัดกินคะคุจิคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง เพราะทั้งสองฤดูจะเปลี่ยนฉากรอบวัดให้สวยงามราวภาพวาด
ถนนสายนักปราชญ์ (Philosopher’s Path)
ถนนสายนักปราชญ์ (Philosopher’s Path) ในเกียวโตเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินที่สวยงามและเต็มไปด้วยความสงบ ซึ่งถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่นในเวลาเดียวกัน เส้นทางนี้ตั้งอยู่ริมคลองซากา (Sakyo District) และมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร พื้นที่นี้ได้รับชื่อเสียงจากการที่มันเป็นสถานที่ที่นักปรัชญาชื่อดังของญี่ปุ่น เช่น คิตาโอะ คะคุ (Kitaro Nishida) มักจะเดินไปตามเส้นทางนี้เพื่อคิดทบทวนและค้นหาความหมายของชีวิต
หมู่บ้านมิยามะ (Miyama Village) และ หมู่บ้านอิเนะ (Ine)
หมู่บ้านมิยามะ (Miyama Village) คือหนึ่งในมุมเงียบสงบของเกียวโตที่ยังคงเสน่ห์ชนบทญี่ปุ่นไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม จุดเด่นของที่นี่คือบ้านทรงดั้งเดิมมุงหลังคาฟางหนา (เรียกว่า คายาบุกิ) ซึ่งยังมีผู้คนอาศัยอยู่จริง ให้บรรยากาศเหมือนย้อนเวลากลับไปในญี่ปุ่นยุคก่อน
ไม่เหมือนหมู่บ้านจำลองหรือสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ หมู่บ้านมิยามะยังคงความเรียบง่ายและชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นตามทางเล็กๆ แวะชมบ้านเรือนแบบดั้งเดิม และลิ้มลองอาหารท้องถิ่นในบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายและมาสัมผัสเสน่ห์ “ญี่ปุ่นแท้ๆ” อย่างลึกซึ้ง
หมู่บ้านอิเนะ (Ine) ที่เกียวโต เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ริมอ่าว อิเนะ ซึ่งยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ที่นี่มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจจากบ้านเรือนแบบฟุนายะ (Funaya) ที่ชั้นล่างทำหน้าที่เป็นโรงเก็บเรือและอุปกรณ์ประมง ส่วนชั้นบนใช้เป็นที่อยู่อาศัย บ้านเหล่านี้ตั้งเรียงรายอยู่ริมชายฝั่งน้ำให้บรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม
เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda)
เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) หรือที่รู้จักในชื่อทางการว่า โฮคังจิ (法観寺) คือหนึ่งในแลนด์มาร์กสุดคลาสสิกของเกียวโตที่หลายคนต้องแวะมาเช็กอิน ตั้งอยู่ใจกลางย่านฮิกาชิยามะ (Higashiyama) เจดีย์ห้าชั้นแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 และยังคงความงดงามตามสไตล์สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางถนนโบราณอย่างซันเน็นซะกะและนิเน็นซะกะ เจดีย์ยาซากะโดดเด่นราวกับภาพในโปสการ์ด โดยเฉพาะยามเย็นที่แสงอาทิตย์อาบยอดเจดีย์ หรือช่วงที่นักท่องเที่ยวสวมชุดกิโมโนเดินผ่าน ทำให้บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยเสน่ห์ย้อนยุค
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) และ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) ตั้งอยู่ในเมืองคิฟุเนะที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเกียวโต เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีความสำคัญและเต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง เมื่ออุณหภูมิของภูเขาต่ำและลมเย็นสบายทำให้สถานที่นี้เป็นที่หลบภัยจากความร้อนของเมือง ศาลเจ้าคิฟุเนะมีชื่อเสียงในเรื่องการบูชาท่านเทพเจ้าแห่งน้ำ (เทพเจ้าแห่งการคุ้มครองความปลอดภัยในด้านน้ำ) ซึ่งมีความสำคัญในพิธีการขอพรเรื่องความรักและโชคลาภต่างๆ ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเดินผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ราวกับถูกพาไปสู่โลกแห่งความเงียบสงบและธรรมชาติที่บริสุทธิ์
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโตและเป็นที่รู้จักจากเส้นทางโทริอิสีแดงอันสวยงามที่ทอดยาวขึ้นไปบนเขาอินาริ ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 เพื่อบูชาเทพเจ้าฟูชิมิอินาริ ซึ่งเป็นเทพเจ้าของข้าวและการเกษตร เส้นทางที่เต็มไปด้วยโทริอิสีแดงหลายพันต้นเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมและสัมผัสบรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความงามของธรรมชาติ ตลอดการเดินทาง นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อของญี่ปุ่น
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่สำคัญของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นในปี 1603 โดยโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสุ เป็นที่พักและฐานปกครองของโชกุนในช่วงสมัยเอโดะ ตัวปราสาทมีการออกแบบที่สวยงามและสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึง "พื้นไม้ร้อง" (Nightingale Floor) ที่สามารถสร้างเสียงเมื่อเดิน เพื่อป้องกันการลอบโจมตี ภายในปราสาทยังมีสวนญี่ปุ่นที่สงบและสวยงาม ในปี 1994 ปราสาทนิโจได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของผู้มาเยือนเกียวโตที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นในยุคสมัยโชกุน
วัดโทจิ (Toji) เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโต และยังเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ที่สำคัญของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 796 โดยพระอาจารย์โชโบ (Kōbō Daishi) เป็นที่ประดิษฐานของเจดีย์สูงใหญ่ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูงถึง 57 เมตร
เจดีย์ห้าชั้นของวัดโทจิ (Five-story Pagoda) นับเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัด และสามารถมองเห็นได้จากหลายจุดในเมืองเกียวโต เจดีย์นี้เป็นที่นับถือในด้านจิตวิญญาณ และเป็นที่สักการะของผู้คนที่มาเยี่ยมเยียนเพื่อขอพรด้านสุขภาพและโชคลาภ ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปที่น่าสนใจ และสถาปัตยกรรมที่งดงาม รวมถึงอาคารต่างๆ ที่มีลักษณะทางศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคเฮอัน (Heian Period) นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน วัดโทจิจะมีการจัดงานเทศกาลที่เรียกว่า "Toji Temple Kōbō-san" ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก
ย่านเกียวอิน (Gion District)
ย่านเกียวอิน (Gion District) คือหนึ่งในย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโต และเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเรื่องของการแสดงศิลปะแบบดั้งเดิม เช่น การแสดงการเต้นรำแบบเกอิชา (Geisha) และการทำชาเซน (Tea Ceremony) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเกียวโต
ย่านเกียวอินตั้งอยู่ใกล้กับวัดยาซากะ (Yasaka Shrine) และเป็นที่รู้จักดีในฐานะที่เป็นแหล่งที่อยู่ของเกอิชาและไมโกะ (Geisha & Maiko) ซึ่งเป็นหญิงสาวที่เรียนรู้และฝึกฝนศิลปะการแสดงที่มีมาแต่โบราณ หากคุณเดินเล่นในย่านนี้ในช่วงเย็น ก็อาจจะได้พบเห็นเกอิชาสวมชุดกิโมโนสวยงามกำลังเดินไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อแสดงการแสดงดนตรีและการเต้นรำให้กับแขกที่มาร่วมงาน
สะพานโตเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)
สะพานโตเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) ตั้งอยู่ในย่านอาราชิยามา (Arashiyama) ของเกียวโต เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในเมืองสะพานนี้ข้ามแม่น้ำโฮซูกาวะ (Hozu River) และได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและชาวท้องถิ่นในการเดินเล่นและชมวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงสีของใบไม้ สะพานโตเก็ตสึเคียวยังเป็นที่ตั้งของหลายกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถร่วมได้ เช่น การพายเรือในแม่น้ำและการเดินชมธรรมชาติรอบๆ รวมถึงวิวของภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี สะพานนี้ถือเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกียวโต
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine)
ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) ตั้งอยู่ในย่านกิออนของเกียวโต เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโต สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 เพื่อถวายแด่เทพเจ้าฮัคคิยามะ และมีความสำคัญในเรื่องของการขอพรให้มีความสุขและโชคลาภ ศาลเจ้ายาซากะเป็นที่รู้จักในช่วงเทศกาล "ยาซากะ โอฮิโมะ" ซึ่งเป็นงานประเพณีที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยมีการจุดโคมไฟเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่สวยงาม สถานที่นี้ยังเป็นจุดชมวิวที่มีทิวทัศน์ที่น่าประทับใจในช่วงฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกซากุระบาน และฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้ศาลเจ้ายาซากะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกียวโต
วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera) และ วัดไดโกจิ (Daigoji Temple)
วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera) เป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเกียวโต ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดยมีชื่อเสียงจากศาลาที่ยื่นออกมาจากหน้าผา ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองและธรรมชาติรอบๆ วัดได้อย่างชัดเจน โครงสร้างของศาลาใหญ่ยื่นออกไปในอากาศนั้นสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปู ซึ่งเป็นวิศวกรรมที่น่าทึ่งในยุคนั้น วัดคิโยมิซุเดระได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา นอกจากนี้ยังมีน้ำตกที่เรียกว่า "น้ำตกโอทาคิ" ซึ่งมีความเชื่อว่าการดื่มน้ำจากที่นี่จะช่วยเสริมโชคลาภและอายุยืน
วัดไดโกจิ (Daigoji Temple) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเมืองเกียวโต และเป็นมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก วัดแห่งนี้ก่อตั้งในปี ค.ศ. 874 และเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น โดยมีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่งดงามและรอบๆ วัดถูกล้อมรอบด้วยสวนที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง สวนของวัดจะกลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีอาคารสำคัญเช่น โกะโคะโดะ (Gokōdō) และ เจดีย์ 5 ชั้น (Five-story Pagoda) ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัด และยังเป็นสถานที่ที่มีความสงบเงียบ เหมาะแก่การเดินชมและสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ป่าไผ่แห่งอาราชิยามะ (Bamboo Grove Arashiyama) และ อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate)
ป่าไผ่แห่งอาราชิยามะ (Bamboo Grove Arashiyama) ตั้งอยู่ในย่านอาราชิยามะของเกียวโต เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เมื่อไผ่ที่สูงตระหง่านเรียงรายเป็นแถวให้บรรยากาศเงียบสงบและเสน่ห์ของธรรมชาติ คุณสามารถเดินสำรวจในเส้นทางที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่สูงใหญ่ที่สลับกับแสงแดดและเงาจากต้นไม้ ทำให้เหมือนอยู่ในโลกที่ต่างไปจากการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินเล่นที่สามารถเดินไปถึงวัดและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เช่น วัดเท็นริวจิ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นผ่อนคลายในบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ
อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) คือหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (Nihon Sankei) ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต เป็นสะพานทรายยาวประมาณ 3.6 กิโลเมตร ที่เชื่อมระหว่างฝั่งทะเลอิสุ (Ise Bay) กับทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) สะพานนี้ประกอบไปด้วยต้นสนกว่า 8,000 ต้น ซึ่งสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและงดงามอย่างยิ่งในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี จะทำให้สะพานทรายแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
หอคอยนิเดคเกียวโต (Nidec Kyoto Tower) และ ตลาดนิซิกิ (Nishiki Market)
หอคอยนิเดคเกียวโต (Nidec Kyoto Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเกียวโต ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี JR Kyoto และสามารถเดินทางไปได้สะดวกภายในไม่กี่นาทีจากสถานี เป็นหอคอยที่สูง 131 เมตร โดยมีจุดชมวิวที่ชั้น 5 ที่มีทัศนียภาพ 360 องศาของเมืองเกียวโตและภูเขารอบข้าง ที่นี่คุณสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของวัดสำคัญ เช่น วัดคิโยมิซุเดระและวัดโทจิได้ในวันที่อากาศดี นอกจากนี้ยังมีบริการกล้องส่องทางไกลและข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ในเมืองเกียวโตบนระบบสัมผัสที่จุดชมวิว
ภายในอาคารของหอคอยยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรม ทำให้คุณสามารถใช้เวลาชมวิวและพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบาย หอคอยนิเดคเกียวโตเป็นจุดท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชมวิวเมืองเกียวโตและสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร
ตลาดนิซิกิ (Nishiki Market) หรือที่เรียกกันว่า “ครัวของเกียวโต” เป็นตลาดดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในย่านกลางเมืองเกียวโต มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี ตลาดนี้เป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองและอาหารท้องถิ่นที่โดดเด่นของเกียวโต โดยมีร้านค้าหลายร้อยร้านที่จำหน่ายทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เครื่องปรุงต่าง ๆ และของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เต้าหู้ยุบะ (yuba) และซูชิแบบเกียวโต ที่มีรสชาติและสไตล์เฉพาะตัว
ตลาดนิซิกิ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะไม่เพียงแต่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง ยังเป็นการสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่มีอายุนับร้อยปี หากมีโอกาสไปเยือนเกียวโต ต้องแวะมาเดินชมตลาดแห่งนี้เพื่อสัมผัสความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเกียวโตจริง ๆ