เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

: 09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@hijapan

Travel License : 11/06302

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

“เตือนก่อนเดินทาง! รายชื่อยาที่ห้ามนำเข้าประเทศญี่ปุ่น”

“เตือนก่อนเดินทาง! รายชื่อยาที่ห้ามนำเข้าประเทศญี่ปุ่น”

22

May

ญี่ปุ่น

“เตือนก่อนเดินทาง! รายชื่อยาที่ห้ามนำเข้าประเทศญี่ปุ่น”

ยาที่กินประจำ อาจพาไปเจอปัญหาที่ด่านตรวจ!
รู้ไว้ก่อนเดินทาง "ญี่ปุ่นห้ามนำยาอะไรเข้า?"
อัปเดตล่าสุดสำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นในปี 2568

เตือนก่อนเดินทาง! รายชื่อยาที่ห้ามนำเข้าประเทศญี่ปุ่น 
อัปเดตล่าสุดสำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นในปี 2568
หากคุณมีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่าลืมตรวจสอบ รายการยาและเวชภัณฑ์ ก่อนจัดกระเป๋าเดินทาง! เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมีกฎหมายควบคุมยาอย่างเข้มงวด ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก ยาบางตัวที่คุณใช้เป็นประจำอาจ ผิดกฎหมายทันทีที่นำเข้าญี่ปุ่น แม้จะเป็นยาที่ขายทั่วไปในไทยก็ตาม

เหตุผลที่ต้องระวังเรื่องการนำยาเข้าญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายคุมเข้มเกี่ยวกับ ยาเสพติดและสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของ “ซูโดอีเฟดรีน” (Pseudoephedrine) หรือสารกระตุ้นบางชนิด ซึ่งจัดอยู่ในประเภทต้องห้าม หากฝ่าฝืนอาจถูก ยึดยา ปรับ หรือแม้แต่ถูกจับกุม

หมายเหตุ: แม้เป็นยาที่แพทย์สั่ง แต่หากไม่มีเอกสารรับรองจากแพทย์และไม่มีการขออนุญาตล่วงหน้า ก็ยังถือว่าผิดกฎหมายญี่ปุ่น

ยาที่ห้ามนำเข้าญี่ปุ่นโดยเด็ดขาด

การเตรียมยาไปใช้ระหว่างเดินทางเป็นเรื่องที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ในบางประเทศ (เช่น ญี่ปุ่น) มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับยาที่มีส่วนผสมบางชนิด โดยเฉพาะสารที่อาจถูกจัดว่าเป็นสารควบคุมหรือสารออกฤทธิ์แรง ถึงแม้จะเป็นยาที่ใช้ทั่วไปในไทยก็ตาม
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเดินทาง ลองมาดู 3 กลุ่มยาที่ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยง พร้อมตัวอย่างยาที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเมื่อนำติดตัวไปต่างประเทศ

กลุ่มที่ 1: ยาแก้หวัดที่มี “ซูโดอีเฟดรีน” (Pseudoephedrine)

สารนี้มักใช้ในยาแก้คัดจมูก แก้หวัด หรือยาแก้แพ้หลายชนิดในไทย แต่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสารที่ควบคุมการนำเข้าอย่างเข้มงวด ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็นสารที่ออกฤทธิ์เป็น ยาลดอาการคัดจมูก หรือ บรรเทาอาการจากหวัด ภูมิแพ้ และไซนัสอักเสบ โดยออกฤทธิ์ช่วยหดหลอดเลือดบริเวณโพรงจมูก ทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น

1. TYLENOL COLD
2. SUDAFED
3. ADVIL COLD & SINUS
4. ACTIFED
5. DRISTAN COLD / รุ่น “No Drowsiness”
6. DRISTAN SINUS
7. DRIXORAL SINUS

หมายเหตุ: หากจำเป็นต้องพกยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ควรปรึกษาแพทย์และเตรียมใบรับรองภาษาอังกฤษไว้แสดงเมื่อต้องผ่านศุลกากร

เกร็ดความรู้

ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) มักใช้ในยาแก้คัดจมูก แก้หวัด หรือยาแก้แพ้หลายชนิดในประเทศไทย แต่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสารที่ควบคุมการนำเข้าอย่างเข้มงวด เนื่องจากซูโดอีเฟดรีนเป็นสารที่มีศักยภาพในการนำไปใช้ผลิตสารเสพติด (เช่น เมธแอมเฟตามีน) ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการควบคุมการนำเข้ายาที่มีสารนี้

กลุ่มที่ 2: ยาแก้หวัดจากต่างประเทศ ที่ไม่ได้จดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย

ยาแก้หวัดจากต่างประเทศ ที่ไม่ได้จดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย ยากลุ่มนี้อาจไม่ได้มีปัญหาที่สารประกอบโดยตรง แต่การนำเข้าหรือใช้ในบางประเทศ (รวมถึงไทย) อาจขัดต่อข้อบังคับด้านทะเบียนยา

1. NYQUIL
2. NYQUIL LIQUICAPS
3. VICKS INHALER (บางรุ่น)

ยาแก้หวัดจากต่างประเทศบางชนิด เช่น NYQUIL, NYQUIL LIQUICAPS และ VICKS INHALER (บางรุ่น) แม้ไม่ได้มีสารต้องห้ามโดยตรง แต่ยัง “ไม่ได้จดทะเบียน” หรือ “ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย” การนำเข้าหรือพกพาโดยไม่มีเอกสารประกอบจึงอาจขัดต่อข้อบังคับด้านทะเบียนยา ควรซื้อและใช้เฉพาะในประเทศที่อนุญาต หลีกเลี่ยงการนำติดตัวข้ามประเทศโดยไม่จำเป็น

หมายเหตุ: หากต้องการใช้ยาเหล่านี้ ควรซื้อและใช้ภายในประเทศที่อนุญาตเท่านั้น หลีกเลี่ยงการนำข้ามประเทศโดยไม่มีเอกสารรับรอง

กลุ่มที่ 3: ยาแก้ท้องเสียที่ถูกยกเลิกทะเบียนในไทย

ยาแก้ท้องเสียที่ถูกยกเลิกทะเบียนในไทย บางชนิดแม้เคยใช้แพร่หลายในอดีต แต่ถูกถอนออกจากบัญชียาแล้ว เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์ที่อาจเป็นอันตราย

1. LOMOTIL

หมายเหตุ: แม้จะยังมีวางขายในบางประเทศ แต่หากพกกลับเข้าประเทศไทยอาจถือว่าผิดกฎหมาย

เกร็ดความรู้

Lomotil มีสารออกฤทธิ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยสารหลักคือ Diphenoxylate ซึ่งมีโครงสร้างและฤทธิ์คล้าย “ฝิ่น (opioid)” เมื่อใช้ในขนาดสูงอาจกดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการง่วง ซึม หายใจช้า หรือหมดสติ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการนำไปใช้ในทางที่ผิด จึงจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ต้องควบคุมตามกฎหมาย

วิธีนำยารักษาโรคเข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างถูกต้อง

หากคุณจำเป็นต้องนำยาไปรักษาโรคที่ญี่ปุ่น เช่น ยาเบาหวาน ยาความดัน หรือยาจิตเวช ควรดำเนินการดังนี้
1. เตรียมใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate) ภาษาอังกฤษ ระบุชื่อยา, ปริมาณ, และวัตถุประสงค์ในการใช้
2. ตรวจสอบว่ายาอยู่ในรายการควบคุมของญี่ปุ่นหรือไม่ ที่เว็บไซต์ของ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น 
3. หากเป็นยาแรง ต้องยื่นขออนุญาตผ่านระบบ Yakkan Shoumei (薬事承認証明) ล่วงหน้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง 

เกร็ดความรู้

Yakkan Shoumei (薬事承認証明) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง "ใบอนุญาตการนำเข้ายา" หรือ "ใบรับรองการนำเข้ายา" ในกรณีที่ต้องนำยาเฉพาะไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข การงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น (Ministry of Health, Labour and Welfare) ก่อนการเดินทาง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการนำเข้ายาที่มีสารควบคุมหรือผิดกฎหมายไปยังประเทศนั้น
ในกรณีที่คุณต้องการนำยาไปญี่ปุ่นที่มีสารที่ถูกควบคุม เช่น ยาจิตเวช, ยาเบาหวาน หรือยาที่ต้องใช้ใบรับรองจากแพทย์ กระบวนการ Yakkan Shoumei (薬事承認証明)  จะช่วยให้คุณสามารถนำยาไปได้ตามกฎหมาย และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นที่สนามบินหรือศุลกากรญี่ปุ่น

ยาที่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้เลย

ทีนี้เราก็รู้กันแล้วว่ายาบางชนิดที่มีสารควบคุม เช่น ซูโดอีเฟดรีน หรือยาที่ไม่ได้จดทะเบียนในญี่ปุ่นอาจไม่สามารถนำเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ไม่ต้องห่วง! ยังมียาหลายตัวที่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้ตามปกติ โดยไม่ต้องขออนุญาตพิเศษหรือเอกสารใดๆ นี่คือตัวอย่างยาที่สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้

1. พาราเซตามอล (Paracetamol) 
2. ยาแก้ปวด ลดไข้ เช่น Tylenol
3. ยาแก้เมารถ (Anti-motion sickness) เช่น Dramamine
4. ยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อ เช่น Biofreeze หรือ Salonpas
5. ยาปฏิชีวนะ ที่ได้รับการสั่งจากแพทย์หรือจำเป็นตามใบสั่งแพทย์
6. ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines) สำหรับการแพ้ เช่น Zyrtec, Claritin
7. ยาแก้ไอที่ไม่มีกลุ่มสารควบคุม เช่น Robitussin

โดยยากลุ่มเหล่านี้สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตพิเศษจากทางการญี่ปุ่น แต่หากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับยาที่ใช้เป็นประจำ ควรตรวจสอบข้อมูลหรือขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อความมั่นใจในการเดินทาง!

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับกฎหมายและความปลอดภัยอย่างสูง
หากคุณไม่แน่ใจว่ายาที่ใช้เป็นประจำ สามารถนำเข้าญี่ปุ่นได้หรือไม่ 

- ควรตรวจสอบชื่อยาและส่วนผสมอย่างละเอียด
- ขอใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ
- ปรึกษาเภสัชกรหรือหน่วยงานท่องเที่ยวก่อนเดินทาง

อย่าลืมว่า "ยาไม่ผิดในไทย อาจผิดในญี่ปุ่น!"
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วคุณจะเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ 

จำนวนผู้เข้าชม 188 ครั้ง