เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

: 09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@hijapan

Travel License : 11/06302

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

แนะนำ 8 สถาที่่ท่องเที่ยวอิบารากิ เที่ยวครบ จบในที่่เดียว

แนะนำ 8 สถาที่่ท่องเที่ยวอิบารากิ เที่ยวครบ จบในที่่เดียว

15

May

ญี่ปุ่น

แนะนำ 8 สถาที่่ท่องเที่ยวอิบารากิ เที่ยวครบ จบในที่่เดียว

จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) อาจไม่ได้โด่งดังเท่าเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ อย่างโตเกียวหรือเกียวโต แต่กลับซ่อนเสน่ห์เฉพาะตัวไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติอันงดงาม ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ สวนดอกไม้เปลี่ยนสีตามฤดูกาล หรือหมู่บ้านเงียบสงบในหุบเขา เหมาะสำหรับผู้ที่อยากสัมผัส “ญี่ปุ่นแท้” ในจังหวะที่ไม่เร่งรีบ

    จังหวัดอิบารากิ มีประวัติความเป็นมายาวนาน ย้อนกลับไปในยุคโบราณเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นฮิตาชิ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ปัจจุบันยังคงหลงเหลือร่องรอยของศาลเจ้าเก่าแก่ ศิลปะพื้นถิ่น และขนบธรรมเนียมที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปี

    จุดเด่นของอิบารากิคือการผสมผสานระหว่าง ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ วิถีชีวิตท้องถิ่นแบบดั้งเดิม และความทันสมัยในบางมิติ ที่ลงตัวอย่างน่าประหลาด ที่นี่มีทั้งทะเล ภูเขา ทะเลสาบ และทุ่งดอกไม้ที่ผลัดเปลี่ยนสีสันไปตามฤดูกาล เหมาะสำหรับนักเดินทางที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสญี่ปุ่นอีกมุมที่เรียบง่ายแต่น่าประทับใจ

และนี่คือสถานที่ทีเราอยากแนะนำ แล้วคุณอาจจะหลงรักอิบารากิโดยไม่รู้ตัว…

1. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ พาร์ค (Hitachi Seaside Park)

    สวนดอกไม้ริมชายฝั่งทะเลแปซิฟิกในเมืองฮิตาชินากะ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ โดยเฉพาะทุ่งดอก เนโมฟีลา สีฟ้าอ่อนนับล้านต้นที่บานพร้อมกันทั่วเนินเขาในฤดูใบไม้ผลิ จนดูคล้ายทะเลสีฟ้า ท่ามกลางท้องฟ้าใสในฤดูใบไม้ร่วง เนินเขาเดียวกันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดจากต้น โคเคีย ที่กลมและน่ารัก เป็นความงดงามแบบญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ช่วงที่แนะนำจะเป็นช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม เพราะเนินเขาจะเต็มไปด้วยทุ่งดอกเนโมฟีลาสีฟ้าอ่อนราวกับทะเลบนบก ส่วนในเดือนตุลาคม ต้นโคเคียจะเปลี่ยนสีจากเขียวสดเป็นแดงสดทั่วทั้งเนิน เป็นภาพที่แปลกตาและถ่ายรูปออกมาได้สวยงามไม่แพ้กัน

2. น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)

    น้ำตกยิ่งใหญ่ในเมืองไดโกะ ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ความพิเศษอยู่ที่สายน้ำที่ไหลผ่านหน้าผาสูงแบบเป็นชั้น ๆ รวมทั้งหมด 4 ชั้น ทำให้เกิดลวดลายของม่านน้ำที่อ่อนช้อยราวกับธรรมชาติบรรจงแต่งแต้ม ในฤดูหนาว หากอากาศหนาวพอ น้ำตกทั้งสายจะกลายเป็นน้ำแข็งอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ราวกับประติมากรรมน้ำแข็งธรรมชาติ หากอยากชมธรรมชาติรอบน้ำตกเปลี่ยนเป็นสีแดงทองอย่างงดงามแนะนำช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงในเดือนพฤศจิกายน แต่หากเป็นสายธรรมชาติที่ชอบความแปลกตาแนะนำช่วงฤดูหนาวในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์เพื่อลุ้นชม “น้ำตกน้ำแข็ง” ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะในวันที่อุณหภูมิต่ำมากเท่านั้น



3. สวนไคระคุเอ็น (Kairakuen Garden)

    สวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ในเมืองมิโตะ หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น โด่งดังเป็นพิเศษในช่วงดอกบ๊วยบาน เพราะมีต้นบ๊วยมากกว่า 3,000 ต้น ซึ่งจะเริ่มผลิดอกช่วงปลายฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศสงบของสวน ตัดกับกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกบ๊วย และภูมิทัศน์ที่เรียบง่าย สะท้อนความงามของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่แท้จริง ช่วงเวลาที่สวยงามและมีชีวิตชีวามากที่สุดของสวนคะอิระคุเอ็นคือปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกบ๊วยกว่า 3,000 ต้นผลิบานพร้อมกันทั่วทั้งสวน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกบ๊วยลอยคลุ้งในอากาศ ผสานกับทัศนียภาพของศาลา สระน้ำ และป่ารอบข้าง ทำให้ที่นี่ดูสงบและละมุนละไมอย่างยิ่ง

    ในช่วงนี้ยังมีการจัด เทศกาลดอกบ๊วยแห่งมิโตะ (Mito Ume Matsuri) ซึ่งเป็นเทศกาลฤดูปลายหนาวที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคคันโต ภายในงานจะมีกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น การแสดงดนตรีญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม พิธีชงชาในสวน และโคมไฟประดับยามค่ำคืนที่ช่วยเติมความโรแมนติกให้บรรยากาศยิ่งขึ้น

4. อควาเวิลด์ อิบารากิ (Aqua World Ibaraki)

    พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริมทะเลในเมืองโอะอะไร ที่โดดเด่นด้วยโซนจัดแสดงฉลามขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีการแสดงโลมาและสิงโตทะเลที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ และครอบครัว ภายนอกพิพิธภัณฑ์สามารถมองเห็นทะเลแปซิฟิกได้แบบเต็มตา เหมาะกับการพักผ่อนแบบสบาย ๆ และเรียนรู้โลกใต้น้ำไปพร้อมกัน

5. อาร์ตทาวเวอร์มิโตะ (Art Tower Mito)

    ศูนย์ศิลปะสุดล้ำกลางเมืองมิโตะ ที่สะดุดตาด้วยหอคอยโลหะเกลียวสูง 100 เมตร ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและศิลปะร่วมสมัย หอคอยแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์ล้ำยุค แต่ยังพาผู้มาเยือนขึ้นไปชมวิวเมืองแบบพาโนรามาจากลิฟต์แก้วใส เสมือนลอยอยู่ในอากาศ ภายในแบ่งพื้นที่เป็นหอศิลป์ โรงละคร และคอนเสิร์ตฮอลล์ที่จัดแสดงผลงานจากศิลปินทั่วโลกตลอดปี เหมาะกับทั้งสายอาร์ต สายชิล หรือใครที่อยากเติมแรงบันดาลใจให้ชีวิตแบบมีสไตล์สุด ๆ

6. ศาลเจ้าอิโซซากิ & ชายหาดโอะอะไร (Isosaki Shrine & Oarai Coast)

    ศาลเจ้าที่มีเสาโทริอิ “ตระหง่านกลางทะเล” กลายเป็นภาพถ่ายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งแสงอาทิตย์จะส่องผ่านเสาโทริอิ ราวกับประตูสู่สรวงสวรรค์
นอกจากศาลเจ้าแล้ว ชายหาดโอะอะไรยังเป็นจุดพักผ่อนเงียบ ๆ สำหรับคนที่อยากเดินเล่นริมทะเลหรือรับลมเย็น ๆ โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยวมากมาย ในช่วงฤดูหนาวโดยเฉพาะในตอนเช้าตรู่ของเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่คนมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นลอดผ่านเสาโทริอิกลางทะเล ส่วนช่วงฤดูร้อนเหมาะกับการพักผ่อนที่ชายหาด

7. ศาลเจ้าคาชิมะ (Kashima Jingu Shrine)

    ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่กว่าพันปี เป็นศูนย์กลางของความศรัทธาในภูมิภาคคันโต เคยเป็นศาลเจ้าหลวงที่ได้รับความเคารพจากซามูไร นักกีฬา และประชาชนทั่วไป
ศาลเจ้าถูกโอบล้อมด้วยป่าโบราณขนาดใหญ่ มีบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์และสงบเย็น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขอพร หรือต้องการหลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและพลังแห่งศรัทธา

8. ทะเลสาบคาซึมิกาอุระ (Kasumigaura Lake)

    ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติและวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวอิบารากิ เหมาะกับคนที่อยากพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศสงบ ลมเย็น และวิวกว้างสุดสายตา
กิจกรรมยอดนิยมได้แก่ ปั่นจักรยาน ล่องเรือ หรือเดินเล่นริมฝั่ง เหมาะกับทั้งสายชิล สายธรรมชาติ และคนที่อยากชาร์จพลังใจแบบเนิบๆ ในวันสบายๆ

ของขึ้นชื่อของจังหวัดอิบารากิ

นัตโตะมิโตะ

    ถั่วหมักรสชาติเข้มที่แม้หลายคนจะกลัวกลิ่นแรง แต่ถือเป็นอาหารสุขภาพที่คนญี่ปุ่นนิยมมาก อิบารากิเป็นแหล่งผลิตนัตโตะคุณภาพสูงอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะในเมืองมิโตะ

ปลาอังโกะ

    ปลาทะเลน้ำลึกที่นิยมรับประทานในฤดูหนาว นิยมนำมาทำ “อังโกะนาเบะ” หรือหม้อไฟปลาอังโกะรสเข้มข้นที่ช่วยให้อบอุ่นในอากาศเย็น

เมลอนอิบารากิ

    ผลไม้รสหวานฉ่ำที่ปลูกในเรือนกระจกภายในจังหวัด มีทั้งแบบผลเขียวและผลส้ม เป็นของฝากยอดนิยมที่มักพบในรูปแบบเมลอนสดหรือของหวานแปรรูป

โฮชิอิโมะ

    ของขึ้นชื่อแห่งอิบารากิ มันหวานญี่ปุ่นที่นำไปอบแห้งจนได้เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม รสหวานธรรมชาติ หอมละมุน เหมาะเป็นของว่างเพื่อสุขภาพหรือของฝากที่ใครได้ลองก็หลงรัก

เนื้อฮิตาจิ

    สุดยอดวากิวจากวัวพันธุ์ญี่ปุ่นดำที่เลี้ยงในอิบารากิ โดดเด่นด้วยลายไขมันสวยละลายในปาก กลิ่นหอมเฉพาะตัว และรสชาติละเมียดละไมระดับพรีเมียม เหมาะทั้งยากินิกุ ชาบู หรือสเต๊กสุดหรู

จำนวนผู้เข้าชม 30 ครั้ง