
25
Apr
ญี่ปุ่น
10 ดอกไม้มากความหมายตามฤดูกาล พร้อมสถานที่ชมดอกไม้สุดแนะนำ!
ถ้าพูดถึงคำว่าฤดูกาลของญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะเป็นอาหาร เทศกาล และดอกไม้ ใช่ไหมคะ และนี่คือ 10 ดอกไม้ของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความหมาย ประวัติความเป็นมา ที่สามารถหาชมได้ในช่วงฤดูกาลที่แตกต่างกันของญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ผลิ
1. ดอกสึบากิ (椿)
ดอกสึบากิ
เป็นหนึ่งในดอกไม้ที่มีความเกี่ยวข้องกับศิลปะของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ
ไม่ว่าจะเป็นศิลปะเซรามิก พัด กิโมโน ฯลฯ
โดยทั่วไปแล้วดอกไม้ต่าง
ๆ จะมีความหมายที่ลึกซึ้งและหลากหลายของตัวมันเอง เรียกว่า “ภาษาดอกไม้” โดยความหมายของดอกสึบากิสื่อถึง “ความรัก และความหลงใหล”
ความรักที่ลึกซึ้ง มั่นคง และเต็มไปด้วยความปรารถนา “ความงามแบบเรียบง่าย ถ่อมตัว” ไม่จัดจ้านหรือเด่นชัดมากนัก
นอกจากนี้ สีของดอกสึบากิยังมีความหมายแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน เช่น
- สีขาว สื่อถึง ความงดงามอย่างไร้ที่ติ เสน่ห์ที่เพียบพร้อม ความน่ารักอันเป็นที่สุด
- สีแดง สื่อถึง ความงดงามอันเรียบง่ายทว่าเปี่ยมความหมาย ความสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ คุณธรรมที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อม
- สีชมพู สื่อถึง ความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายใน ความรักที่ไม่แสดงออกอย่างเปิดเผย ความอ่อนน้อมถ่อมตน
ในเนื้อเพลงหรือบทกวีของญี่ปุ่น
การกล่าวถึงดอกสึบากิมักจะมีภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับฤดูหนาว ทว่าในความเป็นจริง
คำว่า “สึบากิ”
เขียนด้วยคันจิ “椿” ซึ่งมีส่วนประกอบคันจิของตัว 木(ki) ที่แปลว่า
ต้นไม้ และ 春(haru) ที่หมายถึงฤดูใบไม้ผลิ
ซึ่งตรงกับความเป็นจริงที่ว่า ดอกสึบากิเริ่มบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึงเดือนพฤษภาคมนั่นเองค่ะ
ที่ญี่ปุ่น มีเทศกาลดอกสึบากิที่โด่งดังมาก ๆ อยู่ที่เกาะอิซุโอชิมะ
(伊豆大島) ซึ่งห่างจากเมืองโตเกียวไป 120 กิโลเมตร มีการประดับดอกสึบากิเอาไว้มากมายกว่า 1,500 สายพันธุ์ หนึ่งในนั้นมี “คินคะจะ” (金花茶) ซึ่งเป็นดอกสึบากิสายพันธุ์สีเหลืองหายากด้วย และยังมีกิจกรรมเวิร์กชอปอย่าง
การย้อมผ้าโดยใช้กลีบดอกคาเมเลีย, นิทรรศการ "ดอกคาเมเลียและภูมิประเทศรอบ ๆ", การประดับไฟไลท์อัพดอกคาเมเลีย
ฯลฯ อีกด้วย

https://www.canva.com/photos/MADAXG9ZGGs/
2. ดอกท้อ (桃花)
คนส่วนใหญ่อาจจะเคยเห็นขนม
เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ทำจากลูกท้อกัน อย่างลูกท้ออบแห้งก็เป็นที่นิยมมาก ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงในไทยก็มีให้เห็นกันตามร้านค้าทั่วไปเช่นกัน ทว่ารู้หรือไม่ว่านอกจากลูกท้อที่กลิ่นหอมและรสชาติหวาน
กรอบ อร่อยแล้ว ดอกท้อเองก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน
ดอกท้อ เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น สีของกลีบดอกเป็นสีชมพูอ่อน สื่อความหมายเกี่ยวกับความอ่อนโยนของสตรี ดอกท้อจะบานตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกันกับเทศกาลตุ๊กตา (雛祭り- Hina matsuri) หรือวันเด็กผู้หญิงของญี่ปุ่น (วันที่ 3 มีนาคม ของทุกปี) ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าต้นท้อถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จึงถูกนำมาเป็นหนึ่งในต้นไม้ในการจัดแสดงภายในเทศกาลตุ๊กตาเช่นเดียวกันกับต้นส้ม และต้นซากุระ จึงทำให้มีการเรียกเทศกาลตุ๊กตา ว่าเทศกาลดอกท้ออีกด้วย
สถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกท้อในประเทศญี่ปุ่น
- สวนดอกพีช โคริโทเก็งเคียว (こおり桃源郷) เป็นทุ่งดอกท้อขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นดอกท้อสายพันธุ์ที่ใช้ถวายแก่ราชวงศ์ ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิโดยภาพด้านหลังตัดฉากกับภูเขาฟูจิ ซึ่งชื่อของ โทเก็งเคียว (桃源郷) แปลว่า แดนสวรรค์ จากบรรยากาศสวยงามเหมือนอยู่บนสวรรค์จริง ๆ
- สวนโคกะ คุโบ (古河公方公園) เมืองโคกะ จังหวัดอิบารากิ มีชื่อเสียงในเรื่องของดอกไม้ที่สวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะดอกท้อที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน สวนจะเต็มไปด้วยดอกท้อกว่า 1,800 ต้น จาก 6 สายพันธุ์ และมีการจัดเทศกาลดอกท้อ (桃まつり) ในช่วงวันที่ 15-30 มีนาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกท้อบานเต็มที่

https://www.canva.com/photos/MADQ5J0YKnw/
3. ดอกซากุระ (桜)
เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ผลิ
ซากุระคงเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในทั่วโลก โดยในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีต้นซากุระมากกว่า
600 สายพันธุ์ เริ่มบานตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม
ดอกซากุระ จะบานจากทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น
(จังหวัดโอกินาว่า) ขึ้นไปทางเหนือสุด
(จังหวัดฮอกไกโด) เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่บานตามอุณหภูมิ
ด้วยเหตุนี้จึงมีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมการชมดอกไม้ของญี่ปุ่นซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เรียกว่า โอะฮานามิ (お花見) ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง โดยผู้คนจะพากันนำเสื่อไปปู
นั่งปิกนิกชมดอกซากุระ ถือว่าเป็นหนึ่งเทศกาลที่สร้างความผูกพันกันระหว่ามนุษย์และธรรมชาติ
ลักษณะการบานของดอกซากุระถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 6 รูปแบบ
- เริ่มบาน (開花 - kaika) คือ เมื่อดอกซากุระบนต้นเริ่มบาน 5-6 ดอกขึ้นไป
- บาน 3 ส่วน (三分咲き - sanbuzaki) คือ ดอกซากุระบนต้นบาน 30%
- บาน 5 ส่วน (五分咲き - gobuzaki) คือ ดอกซากุระบนต้นบาน 50%
- บานเต็มที่ (満開 - mankai) คือ ดอกซากุระบนต้นบานสะพรั่ง
- เริ่มร่วง (散り始め - chirihajime) คือ ดอกซากุระบนต้นเริ่มร่วง
- เริ่มออกใบ (葉桜 - hazakura) คือ หลังจากที่ดอกซากุระร่วงหล่น และเริ่มผลิใบอ่อนใหม่อีกครั้ง
สถานที่แนะนำในการชมดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่น
- สวนสาธารณะอุเอโนะ (上野公園) กรุงโตเกียว เป็นสวนสาธารณะที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมที่สุดในกรุงโตเกียว โดยมีต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น นอกจากนี้ยังง่ายต่อการเดินทาง เพราะอยู่ใกล้กับสถานี JR Ueno
- เส้นทางนิจจู ซากุระสายพันธุ์ย้อย (日中線しだれ桜並木) เมืองคิตากาวะ จังหวัดฟุกุชิมะ มีต้นซากุระสายพันธุ์ย้อยอยู่กว่า 1,000 ต้น ตามทางเดิน ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุ์ซากุระที่มีอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยระหว่างทางจะได้พบกับรถจักรไอน้ำที่ปลดระวางแล้วตั้งอยู่ด้วย

https://www.canva.com/photos/MADatx1rKBg/
ฤดูร้อน
4. ดอกไฮเดรนเยีย (アジサイ)
ฤดูฝนของญี่ปุ่นโดยทั่วไปแล้วจะเป็นช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
จนถึงเดือนกรกฎาคม คาบเกี่ยวกับฤดูร้อนซึ่งอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน จนถึงเดือนกันยายน
โดยเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิเฉลี่ยภายในประเทศสูงที่สุด
ดอกไฮเดรนเยีย ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า
“ดอกอะจิไซ” จะเริ่มบานในช่วงเดือนมิถุนายน
จนถึงเดือนกรกฎาคม ลักษณะของดอกไฮเดรนเยียจะเปลี่ยนไปตามความเป็นกรดและด่างของดิน หากดินมีความเป็นกรดสูง
สีของดอกจะออกเป็นสีฟ้า แต่หากดินมีความเป็นด่างสูงกว่าจะออกเป็นสีแดงอมชมพู
ที่สำคัญ ดอกไฮเดรนเยียนั้นยังมีพิษอยู่ที่ใบและรากซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์
ไม่สามารถนำมารับประทานได้
ความเกี่ยวข้องของดอกไฮเดรนเยียและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง
คือดอกไฮเดรนเยียถือว่าเป็นดอกไม้ประจำฤดูฝน
รวมถึงมีการปรากฏชื่อในบทกลอนและภาพวาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับฤดูฝนอีกด้วย
ในประเทศญี่ปุ่น แม้จะเป็นฤดูฝนหรือฤดูร้อนเองก็ยังคงมีจุดในการชมดอกไม้สวย ๆ มากมาย เช่น
- วัดเมเกทสึอิน (明月院) ตั้งอยู่ในเมืองคามาคุระ จังหวัดคานางาวะ ได้รับฉายาว่า “วัดอาจิไซ” เนื่องจากมีไฮเดรนเยียให้ได้ชมกว่า 2,500 ต้น โดยจะมีค่าเข้าชมช่วงปกติ 300 เยน แต่หากเป็นช่วงมิถุนายนจะมีราคาอยู่ที่ 500 เยน
- สวนฮะคุซัน (白山公園) กรุงโตเกียว มีดอกไฮเดรนเยียหลากหลายสายพันธุ์ประมาณ 3,000 ต้น บานสะพรั่งตั้งแต่บริเวณวัดฮะคุซัน ไปถึงสวนสาธารณะฮะคุซัน จึงได้มีการจัดงานเทศกาล บุงเคียวอะจิไซ หรือเทศกาลดอกไฮเดรนเยียขึ้น โดยจะมีการเปิดให้ชมภูเขาไฟฟูจิจำลองที่ประดับด้วยดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่ง

https://www.canva.com/photos/MAEFqhDTLDQ/
5. ดอกลิลลี่ (百合)
อีกหนึ่งดอกไม้ที่มักจะพบเห็นกันบ่อยในงานศิลปะต่าง
ๆ ทั้งงานหัตถกรรมเซรามิก งานภาพพิมพ์ งานวรรณกรรม
ไปจนถึงการบริโภคเป็นสมุนไพรและอาหาร
ดอกลิลลี่ เป็นดอกไม้ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ทั่วโลก และในประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นแหล่งรวมลิลลี่ที่อุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งเนื่องจากมีดอกลิลลี่สายพันธุ์ท้องถิ่นถึง 15 ชนิด มีสีสันที่หลากหลาย เริ่มบานตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนถึงเดือนสิงหาคม อีกทั้งยังเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ความน่าเกรงขาม ความรักที่อ่อนโยน และความหมายอื่น ๆ ตามสีของกลีบดอก เช่น
- ลิลลี่ขาว สื่อถึง ความบริสุทธิ์ อ่อนโยน ไร้เดียงสา
- ลิลลี่เหลือง สื่อถึง ความสุขสดใส
- ลิลลี่ส้ม สื่อถึง ความหลงใหล ความกล้าหาญ
- ลิลลี่ชมพู สื่อถึง ความรักแบบโรแมนติก
สถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกลิลลี่ในประเทศญี่ปุ่น
- เกาะอิเอจิมะ (伊江島) จังหวัดโอกินาว่า ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะโอกินาว่าหลัก เป็นแหล่งชมดอกลิลลี่กว่า 1,000,000 ดอก รวมกว่า 100 สายพันธุ์ และมีการจัดเทศกาลชมดอกลิลลี่ (Lily Festival) ให้ได้ชมกันในช่วงปลายเดือนเมษายน
- สวนทามามิซุ ยูริ (玉水ゆり園) หรือ ทามามิซุ ยูริเอ็น เป็นสวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่ในเมืองทัมบะซาซายามะ จังหวัดเฮียวโงะ และถือเป็นสวนดอกลิลลี่ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคคันไซ ในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ทั้งดอกลิลลี่ และดอกไฮเดรนเยีย จะบานสะพรั่งกว่า 100,000 ดอก นอกจากนี้ใกล้ ๆ สวนดอกลิลลี่ทามามิซุ ยังมีร้านอาหารขึ้นชื่ออย่าง ร้านซาซายามะทามะมิซุ ซึ่งมีเมนูพิเศษจากวัตถุดิบประจำท้องถิ่นให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย

https://www.canva.com/photos/MAEgNWx1DvA/
ฤดูใบไม้ร่วง
6. ดอกคอสมอส (コスモス)
ดอกคอสมอส
เป็นดอกไม้ประจำฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกา
ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศญี่ปุ่นช่วงยุคเมจิ
จากนั้นก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ปลูกง่ายและโตเร็ว ทนแล้ง
และไม่ต้องการการดูแลมาก สามารถเจริญเติบโตได้ดีแม้ในดินไม่อุดมสมบูรณ์ ชาวญี่ปุ่นนิยมปลูกริมทางเดิน
ทางรถไฟ หรือแม้แต่ในสวนหน้าบ้าน ทำให้กลายเป็นภาพที่คุ้นตาในชนบทและเมืองเล็ก ๆ
ในภาษาญี่ปุ่น
ดอกคอสมอสถูกเรียกว่า อากิซากุระ (秋桜) เพราะสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว เมื่อเห็นดอกคอสมอส
ก็ทำให้นึกถึงดอกซากุระขึ้นมา แต่ด้วยความที่ดอกคอสมอสบานในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (秋) จึงถูกขนานนามว่าเป็นซากุระแห่งฤดูใบไม้ร่วง และมีความหมายสื่อถึง ความบริสุทธิ์ใจของหญิงสาว
ความรัก ความงดงาม ความกลมกลืนกับธรรมชาติ
ความน่าสนใจของชื่อดอกไม้ชนิดนี้
คือแม้ว่าจะเขียนด้วยคันจิ อากิซากุระ (秋桜) แต่อ่านว่า คอสมอส โดยมีที่มาจากในปี พ.ศ.2520 เพลง 秋桜 ของนักร้องสาว ยามะกุจิ โมโมเอะ
ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในญี่ปุ่นด้วยชื่อเพลง 秋桜 ที่แม้จะเขียนด้วยคันจิที่อ่านว่า
อากิซากุระ แต่ได้เปลี่ยนเสียงอ่านเป็น คอสมอส (コスモス)
ทำให้หลังจากนั้นก็มีการเล่นคำกับความหมายลักษณะนี้เกิดขึ้นมากมาย เช่นคำว่า 本気 (honki) ใส่คำอ่านว่า マジ (maji) ซึ่งมีความหมายคล้ายกัน ซึ่งแปลว่า เอาจริง
จริงจัง หรือคำว่า 恋敵 (โค่ยคาตะกิ)
ใส่คำอ่านว่า ライバル (raibaru หรือ Rival ในภาษาอังกฤษ) โดยตัวคันจิสื่อถึงศัตรูหัวใจ คนสองคนที่ต้องต่อสู้กันเพราะรักคนคนเดียวกัน
ส่วนคำว่า ライバル หมายความว่า คู่ต่อสู้
เป็นต้น
สถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกคอสมอส
- สวนดอกไม้คุริฮามะ (くりはま花の国) เมืองโยโกสุกะ จังหวัดคานากาวะ ชื่อของสวน くりはま花の国 แปลเป็นไทยตรงตัวว่า ประเทศแห่งดอกไม้คุริฮามะ เนื่องจากเป็นสวนที่มีขนาดกว้างขวางมาก ไม่ว่าจะเป็นโซนดอกไม้ตามฤดูกาล และเส้นทางเดินชมธรรมชาติ และมีดอกคอสมอสมากกว่า 1 ล้านต้น ทั่วทุ่งตลอดฤดูใบไม้ร่วง ในเดือนกันยายน จนถึง เดือนตุลาคม
- อะวาจิ ฮานะซาจิกิ (あわじ花さじき) สวนดอกคอสมอสในเกาะอะวาจิ จังหวัดเฮียวโงะ บานตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน สามารถมองเห็นวิวทะเลและภูเขาได้ บรรยากาศโรแมนติก เหมาะแก่การถ่ายรูป นั่งเล่น หรือปิคนิคแบบสุด ๆ
- สวนโชวะคิเนน (昭和記念公園) สวนสาธารณะชานเมืองโตเกียว ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ในยุคสมัยโชวะ ซึ่งเป็นสวนที่เหมาะแก่การดื่มด่ำบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด และเป็นทุ่งดอกคอสมอสที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว รวมดอกคอสมอสเอาไว้กว่า 5.5 ล้านดอก

https://www.canva.com/photos/MADIwBMiUz8/
7. ดอกพลับพลึง (彼岸花)
ดอกพลับพลึง
หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ ดอกฮิกังบานะ (彼岸花)
ลักษณะคือกลีบดอกยาว โค้งงอ ปลายเรียวเล็กคล้ายเส้นไหม
ซึ่งบางคนอาจคุ้นตากับภาพของดอกฮิกังบานะสีแดงในแอนิเมชั่นของญี่ปุ่น เช่น
ดาบพิฆาตอสูร (鬼滅の刃), ปอบโตเกียว (東京喰種), แว่วเสียงเรไร (ひぐらしのなく頃に), อินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน (犬夜叉), สัญญามรณะ ธิดาอเวจี (地獄少女) เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ ว่าดอกฮิกังบานะนั้นไม่ได้มีแค่สีแดงเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมีสีขาว สีเหลือง และสีชมพูในบางสายพันธุ์อีกด้วย
ความหมายของดอกพลับพลึง หรือดอกฮิกังบานะนั้นกล่าวถึง
การจากลา ความเศร้า และการรำลึกถึงผู้ล่วงลับ เนื่องจากคำว่า ฮิกัง (彼岸) หมายถึง โลกหลังความตาย หรือการเวียนว่ายตายเกิด โดยที่เหตุผลที่ตั้งชื่อของดอกไม้นี้ว่า
ดอกฮิกัง ก็เพราะดอกไม้นี้ บานในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งตรงกับช่วงโอฮิกัง (お彼岸) ของญี่ปุ่นพอดี
ในช่วงนี้ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเป็นช่วงที่วิญญาณจะสามารถมาเยือนโลกมนุษย์ได้
จึงมีวัฒนธรรมการไปเคารพสุสานและถวายเครื่องเซ่นให้แก่บรรพบุรุษ
เช่นเดียวกับช่วงเทศกาลโอบ้ง (お盆)
สถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกพลับพลึง หรือดอกฮิกังบานะในญี่ปุ่น
- สวนคินฉะคุดะ มันจุชาเกะ (巾着田曼殊沙華) เมืองฮิดากะ จังหวัดไซตามะ ถือว่าเป็นแหล่งในการชมดอกฮิกังบานะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีดอกฮิกังบานะกว่า 5 ล้านดอก กับพื้นที่ราว 137 ไร่ โดยในช่วงเทศกาลชมดอกฮิกังบานะ ไม่ได้มีเพียงกิจกรรมการชมดอกไม้และบรรยากาศสวย ๆ แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการแสดงโชว์ต่าง ๆ และร้านขายของมากมายอีกด้วย
- สวนสาธารณะโอจิบารุ จังหวัดมิยาซากิ จะมีการจัดงาน เทศกาลดอกฮิกังบานะ (ヒガンバナまつり) ซึ่งในจังหวัดมิยาซากิ สวนสาธารณะแห่งนี้ถือว่าเป็นสวนที่มีดอกฮิกังบานะมากที่สุด
- สวนสาธารณะฮางุโระซัง (羽黒山公園) เมืองโอซากิ จังหวัดมิยางิ ตั้งอยู่บนเนินเขาที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเซนโกคุ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะถูกปกคลุมไปด้วยซากุระ และยามฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเต็มไปด้วยดอกฮิกังบานะ นอกจากนี้ยังมีพืชพันธุ์อีกหลายชนิดขึ้นตามฤดูกาลอีกด้วย ภายในสวนฮางุโระซังมีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก จึงเหมาะแก่การพักผ่อนแบบเป็นครอบครัวด้วยเช่นกัน

https://www.canva.com/photos/MADCax9Zs8I/
ฤดูหนาว
8. ดอกบ๊วย (梅)
ดอกอุเมะ
หรือ ดอกบ๊วยญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นมาก
ๆ ทั้งในด้านของศิลป์ และการนำมาแปรรูปเป็นอาหาร เช่น เหล้าญี่ปุ่น (梅酒) บ๊วยดองเค็ม (梅干し)
น้ำเชื่อม เครื่องปรุงต่าง ๆ เป็นต้น
ดอกบ๊วยเริ่มบานในช่วงฤดูหนาว
ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ซากุระจะบาน
ขึ้นอยู่กับภูมิภาค ทำให้การบานของดอกบ๊วย ถูกนับว่าเป็นสัญญาณแรกของฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น
ต้นบ๊วยที่ถูกนำมาเป็นไม้ประดับมีสายพันธุ์กว่า 300 สายพันธุ์
และต้นบ๊วยที่ถูกนำมาเพาะพันธุ์เพื่อนำผลมาบริโภคเองก็มีอยู่กว่า 100 สายพันธุ์
มีสีสันของกลีบดอกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม หรือสีแดง ซึ่งในภาษาดอกไม้สื่อถึง ความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์
จริยธรรมอันสูงส่ง ความสง่างาม
แนะนำจุดชมดอกบ๊วยญี่ปุ่น
- สวนไคราคุเอ็น (偕楽園) มีการจัดเทศกาลดอกบ๊วยเมืองมิโตะ ณ จังหวัดอิบารากิ ถูกยกว่าเป็นหนึ่งในสามสวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น โดยที่สามารถชมต้นบ๊วยกว่า 100 ชนิด รวม 3,000 ต้น ได้ที่สวนไคราคุเอ็นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงกลางเดือนมีนาคม
- ปราสาทโอซาก้า (大阪城) เขตจูโอ นครโอซาก้า หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ซึ่งบริเวณปราสาทโอซาก้ามีป่าบ๊วยที่มีขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยต้นบ๊วบกว่า 100 สายพันธุ์ ทั้งหมดกว่า 1,270 ต้น เติบโตขึ้นจากในปี ค.ศ. 1974 ที่ศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยมปลายคิตะโนะ จังหวัดโอซาก้า ได้บริจาคต้นบ๊วยจำนวน 880 ต้น จาก 22 สายพันธุ์
- สวนดอกบ๊วย อะตามิ ไบเอ็น (熱海梅園) เมืองอะตามิ จังหวัดชิซุโอกะ ถูกเรียกว่าเป็นสวนดอกบ๊วยที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่น รวมต้นบ๊วยกว่า 469 ต้น จาก 60 ชนิด เอาไว้ และต้นแรกที่บาน จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคมเลยทีเดียว

https://www.canva.com/photos/MAGZJvopYjY/
9. ดอกนาร์ซิสซัส (水仙)
ดอกนาร์ซิสซัส ดอกไม้ต้นกำเนิดจากประเทศสเปน และโปรตุเกส บานในช่วงฤดูหนาว
ตั้งแต่เดือนธันวาคม ไปจนถึงเดือนเมษายน เริ่มบานจากคิวชูตอนใต้ขึ้นไป
คำว่า 水仙 (ภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า ซุยเซ็น) มาจากภาษาจีน คำว่า 水仙 (สุ่ยเซียน) หรือเทพแห่งสายน้ำ ด้วยรูปลักษณ์บริสุทธิ์สง่างาม และกลุ่มหอมละมุนคล้ายดั่งเซียนหรือผู้วิเศษ
นอกจากนี้ยังมีความคล้ายคลึงกับตำนวนของกรีกเกี่ยวกับชายหนุ่มรูปงามชื่อ 'นาร์ซิสซัส' ผู้หลงใหลในเงาสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำจนกลายเป็นดอกไม้
จึงมีการเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า 'ดอกนาร์ซิสซัส' ด้วย และเพราะเหตุนี้ ความหมายของดอกนาร์ซิสซัสจึงสื่อถึง ความรักตัวเอง หลงใหลในตนเอง
ความลึกลับ ความทะนงตน
สถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกนาร์ซิสซัสในญี่ปุ่น
- แหลมสึเมะคิซากิ จังหวัดชิซูโอกะ มีการจัดเทศกาลดอกนาร์ซิสซัสในช่วงเดือนธันวาคม ถึงปลายเดือนมกราคมของทุกปี สามารถมองเห็นวิวของทะเลสีฟ้าใส ตัดกับทุ่งดอกนาร์ซิสซัสสีขาว ภายในงานเทศกาลมีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดงานด้วยโชว์กลองไทโกะ หรืออาหารประจำท้องที่ของสึเมะกิอย่าง หม้อไฟมิโซะตุ๋น (池之段煮味噌鍋) และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
- สวนพฤกษศาสตร์จังหวัดนีงาตะ (新潟県立植物園) หนึ่งในสถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกนาร์ซิสซัสในฤดูหนาว ประกอบไปด้วยทั้งโซนกลางแจ้ง และเรือนกระจกใหญ่สำหรับจัดแสดงดอกไม้ตลอดทั้งปี โดยดอกไม้ที่ถูกจัดแสดงจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลที่ดอกไม้นั้น ๆ บาน

https://www.canva.com/photos/MAE8UH1efA4/
10.ดอกไซคลาเมน (シクラメン)
ดอกไซคลาเมน เป็นดอกไม้ประดับบ้าน และของขวัญยอดนิยมในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่สำหรับคนญี่ปุ่น
มีกลีบดอกหลากหลายสี เช่น สีแดง ชมพู ม่วง ขาว หรือบางครั้งก็พบว่ามีสองสีในดอกเดียว
ใบเป็นรูปหัวใจลวดลายสวยงาม
ชื่อในภาษาญี่ปุ่นของดอกไซคลาเมนถูกเรียกว่า
豚の饅頭 (butanomajou) แปลเป็นภาษาไทยว่า มันจูหมู
เพราะในอดีตมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับดอกไซคลาเมนจากประเทศต้นกำเนิดอย่างตุรกี ว่าหมูชอบกินหัวใต้ดินของมัน
จึงถูกเรียกว่า "ขนมปังหมู" เมื่อดอกไม้ชนิดนี้ถูกนำเข้ามายังญี่ปุ่น ก็ได้ถูกแปลเป็น
"มันจูหมู" แต่ท้ายที่สุดแล้วชื่อนี้ก็ไม่ได้รับความนิยมพอที่จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย
จึงเรียกทับศัพท์ว่า ไซคลาเมน (สำเนียงญี่ปุ่นออกเสียงว่า ชิคุระเมน)
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วคนญี่ปุ่นจะมีการให้ดอกไซคลาเมนเพื่อเป็นของขวัญในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับการให้ดอกไม้ชนิดนี้เช่นกัน นั่นคือ ห้ามนำดอกไม้ชนิดนี้ไปเยี่ยมคนป่วย เนื่องจากชื่อของดอกไซคลาเมน ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า “ชิ” คุระเมน จะไปพ้องเสียงกับคำว่า “死 (shi)” ที่แปลว่า ตาย จึงถือว่าเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ห้ามนำไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั่นเอง
สถานที่แนะนำสำหรับการชมดอกไซคลาเมนในญี่ปุ่น ได้แก่ ถนนสายไซคลาเมน (シクラメン街道) ในเมืองมิซุโฮะ เมืองเล็ก ๆ ในเขตนิชิทามะ กรุงโตเกียว เป็นพื้นที่ปลูกไซคลาเมนที่ใหญ่ที่สุดของโตเกียว ประดับด้วยดอกไซคลาเมนสีแดง ขาว และชมพู บานสวยในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนธันวาคม

https://www.canva.com/photos/MAEEZQ5THsM/